รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ อาจารย์ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์การใช้อุปกรณ์ไอทีทั้งคอมพิวเตอร์,แท็บเล็ตและโทรทัพท์มือถือในปัจจุบันว่าประชาชนทั้งในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ,นักเรียน,นักศึกษาและชาวโซเชียลมีพฤติกรรมติดจอมากขึ้นเฉลี่ยวันละ 7-8 ชั่วโมงจนกระทบดวงตาเพิ่มขึ้นและผู้ป่วยมีอายุน้อยลง
โดยส่วนใหญ่จะมาในอาการตาแห้ง,ปวดตา,ปวดศีรษะ,ตาพร่ามัว บางรายอาการหนักถึงขั้นอาเจียนจนไม่สามารถทำงานต่อได้ซึ่งอาการตาแห้งอยากขอเตือนประชาชนว่าอย่าปล่อยอาการนี้ให้ลุกลามเนื่องจากผิวของกระจกตาจะเกิดความขุ่นมัวได้โดยเฉพาะคนใส่คอนแทกเลนส์นั่งทำงานหรือใช้ชีวิตภายในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศจะเกิดอาการตาแห้งได้ง่ายและเมื่อรักษากระจกตาจากอาการตาแห้งหายแล้วอาจจะเกิดแผลเป็นนำไปสู่การบดบังต่อการมองเห็นทำให้วิธีการรักษามียุ่งยากมากขึ้นเนื่องจากต้องรอผู้เสียชีวิตที่บริจาคดวงตามาเปลี่ยนถ่ายให้โดยปัจจุบันมีอัตรารอคอยการเปลี่ยนกระจกตาของประเทศไทยอยู่ที่ 3 ปี
รศ.นพ.นริศ ยังกล่าวอีกว่าภาวะติดจออุปกรณ์ไอทีมีความน่ากลัว เนื่องจากอุปกรณ์ทุกชิ้นที่มีแสงออกมาจะปลดปล่อยแสงอัลตราไวโอเลต หากรับในปริมาณมากเป็นเวลานานอาจทำให้อันตรายต่อดวงตาจนำไปสู่ภาวะสายตาสั้นและโรคจอตาเสื่อมไวกว่าอายุที่เหมาะสมหรือพบได้ในกลุ่มคนอยู่น้อยทั้งที่ภาวะโรคและอาการเหล่านี้จะพบในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยผลการศึกษาในกลุ่มวัยรุ่นในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีที่มีการใช้จออุปกรณ์ไอทีเป็นเวลานานพบว่าวัยรุ่นมีภาวะสายตาสั้นไวกว่าวัยอันควรเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับอาการของจอตาเสื่อมไวจะมีอาการต่างจากวุ้นตาเสื่อมโดยผู้มีอาการจะสังเกตเห็นลักษณะมัวตรงกลางไม่มีการเปลี่ยนพิกัดแม้จะมีการหันหน้าไปมองยังวัตถุอื่น แต่อาการวุ้นตาเสื่อมจะเห็นเป็นจุดหรือเส้นคล้ายหยากไย่ลอยไปลอยมา ทั้งนี้อาการวุ้นตาเสื่อมเป็นภาวะที่อยู่กับทุกคนตั้งแต่เกิดแต่จะค่อยๆเห็นชัดขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น
รศ.นพ.นริศ ยังกล่าวแนะนำวิธีลดผลกระทบจากการใช้อุปกรณ์ไอทีว่าขอให้ผู้ที่ใช้จอจากอุปกรณ์ไอทีต่างๆ พักสายตาทุกๆ 2 ชั่วโมง,ปรับขนาดตัวอักษรให้มีขนาดเห็นได้ชัดเพื่อลดการเพ่งและปรับแสงหรือติดฟิมส์กรองแสงรวมทั้งใส่แว่นกรองแสงเพื่อกรองแสงอัลตราไวโอเลตให้ลดลงไม่เข้าสู่ดวงตาเต็มๆ รวมทั้งเมื่อต้องออกกลางแจ้งควรใส่แว่นกันแดดเพื่อป้องกันแสงเข้าดวงตารวมทั้งสามารถรับประทานอาหารโดยเน้นกลุ่มพืชใบเขียว เช่น ผักบุ้งที่มีวิตามินเอ,มะเขือพวง,แครอท,กล้วย,ส้ม,แปะก๊วย เป็นต้น
ขณะที่การรับประทานวิตามินจากพืชกลุ่มเบอร์รี่เพื่อรักษาโรคของดวงตา รศ.นพ.นริศ กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีผลการศึกษาที่ชัดเจนแต่หากหวังผลทางการรักษาขอยืนยันว่าไม่สามารถเป็นไปได้ถือเป็นการโฆษณาอวดอ้างเกินจริง
"สั้น" - Google News
August 27, 2020 at 05:38PM
https://ift.tt/3b2Gr4i
จักษุแพทย์เตือนชีวิตติดจอเสี่ยงสายตาสั้นไว-จอตาเสื่อมเร็วกว่ากำหนด - ช่อง 7
"สั้น" - Google News
https://ift.tt/2yeZObk
No comments:
Post a Comment