วานนี้ราคาหุ้น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ปรับตัวขึ้นแรงเกือบ 6% มาปิดที่ระดับ 50.50 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ +324.15% เมื่อเทียบกับช่วง 5 วันทำการก่อนหน้า จับตาเดือนหน้าประกาศงบไตรมาส 2/63 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด PTTGC จะพลิกกลับมาเป็นกำไร ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีค่อยๆกลับมาฟื้นตัว
*** Q2 พลิกกำไร ส่วนต่างราคาปิโตเคมีฟื้นตัว-ขาดทุนสต็อกฯ ลดลง
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเชีย เวลท์ คาดว่า ไตรมาส 2/63 บริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.69 พันล้านบาท พลิกจากไตรมาส 1/63 ที่มีผลขาดทุน 8.78 พันล้านบาท เนื่องจากการรับรู้ Stock loss ที่ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่มีผลขาดทุนจาก Stock มากถึง 8.9 พันล้านบาท เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ รวมทั้งการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ลดลงจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้บริษัทปรับลดกำลังการกลั่นลง แต่การดำเนินงานปกติกลับมาฟื้นตัวจากค่าการกลั่น ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ฟื้นตัว เพียงพอชดเชยราคา HDPE จะปรับดลงกว่า 9.4% จากไตรมาสก่อนหน้า
*** สัญญาณธุรกิจหลักค่อยๆฟื้นตัว คาด Q3 กำไรปกติเติบโตเหนือคู่แข่ง
บล.หยวนต้า คาดการณ์แนวโน้มไตรมาส 3/62 ผลการดำเนินงานหลักจะสามารถเติบโตอ่อนๆ จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ดีกว่าคู่แข่งที่จะอ่อนตัวลงไตรมาสก่อนเพราะ
1) แม้ว่า Spread อะโรมาติกส์จะมีทิศทางอ่อนแอลง รวมทั้งมีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงานอะโรมาติกส์ II 19 วัน และโรงงาน LDPE-LLDPE 20-24 วัน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการหยุดซ่อมโรงงาน LDPE-LLDPE จะไม่มาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกสามารถกักเก็บไว้จำหน่ายในช่วงเวลาดังกล่าวได้
2) ค่าการกลั่นได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นเป็น Crude premium น้อยกว่าคู่แข่ง เนื่องจากบริษัทไม่ได้ใช้น้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง (คู่แข่งมีสัดส่วนการใช้ 60-80%) อ้างอิงราคาน้ำมัน Arab light OSP ของซาอุฯ เดือนก.ค.-ส.ค. เฉลี่ยเป็น Premium ที่ 0.7 ดอลลาร์/บาร์เรล เทียบกับ 2Q63 ที่เป็น Discount 5.4 ดอลลาร์/บาร์เรล
3) อัตรากำไรธุรกิจโอเลฟินส์ของ PTTGC ซึ่งเป็นแบบ Gas-based จะได้ประโยชน์จากการทยอยปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบดูไบ 3QTD มาเฉลี่ยที่ 42.2 ดอลลาร์/บาร์เรล (+22% จากไตรมาสก่อน, -29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน)
*** แม้ปีนี้กำไรลดลง แต่ปี 64 จะโตกว่า 130%
บล.หยวนต้า ระบุว่า หากไตรมาส 2/63 เป็นไปตามคาด กำไรปกติครึ่งแรกของปีนี้จะคิดเป็น 42% ของคาดการณ์ทั้งปี ฝ่ายวิเคราะห์คงประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 6.2 พันล้านบาท -33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของ COVID-19
แต่ปี 2564 จะเติบโต +131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1.4 หมื่นล้านบาท จากฐานต่ำผิดปกติในปีนี้, ราคาน้ำมันฟื้นตัว, และกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านตันจากโครงการ PO/Polyol และ ORP ซึ่งจะเริ่ม COD ช่วงไตรมาส 4/63
*** กูรูแนะนำซื้อ เหตุธุรกิจฟื้นตัวชัดเจน–ระยะสั้นไร้แผนลงทุน
จากการรวบรวมข้อมูลจากนักวิเคราะห์พบว่า ส่วนใหญ่แนะนำให้ซื้อ ด้วยเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของ PTTGC นั้นกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดังนี้
บล. คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บ.)
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 58
กรุงศรี ซื้อ 50
บัวหลวง ซื้อ 55
หยวนต้า ซื้อ 56
เคจีไอ ซื้อ 51
ซีจีเอส - ซีไอเอ็มบี Reduce 39
เอเซียพลัส ถือ 45
โดย บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อ (1) แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง และ (2) ความเป็นไปได้ที่โครงการ Ethane Cracker (Ohio) ในสหรัฐฯ เลื่อนการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final investment decision: FID) ออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปี หลัง Daelim Chemical USA ถอนตัวจากการลงทุนในโครงการดังกล่าว จึงคงแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 58 บาท
ขณะที่ บล.หยวนต้า ก็แนะนำซื้อเช่นกัน จาก 1) โมเมนตัมกำไรแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 2/63 - 64 หนุนจากทิศทางราคาน้ำมัน และการเพิ่มกำลังผลิต 2) ฐานะการเงินมั่นคงด้วย D/E 0.5x 3) กำไรสะสมสูง และไม่มีโครงการลงทุนใหญ่ในระยะสั้น ทำให้มีความสามารถจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ 4) ปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 0.75x มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีต -2.0SD
แม้แนวโน้มไตรมาส 2/63 ของ PTTGC จะพลิกเป็นกำไรได้ แต่ผลงานเมื่อเทียบกับปีก่อนก็ยังติดลบอยู่ ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันแทบจะไม่เหลืออัพไซต์เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ IAA Consensus ที่ 51.84 บาท คงต้องรอติดตามว่า หลังจาก PTTGC ประกาศงบออกมาจะสร้างเซอร์ไพร์สจนนักวิเคราะห์ต้องกลับมาทบทวนประมาณการใหม่หรือไม่
No comments:
Post a Comment